ที่มา : หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,895 วันที่ 11 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566
https://www.thansettakij.com/business/marketing/567886

อินฟอร์มาฯ เด้งรับเทรนด์ตลาดเครื่องสำอางโลกฟื้นตัวแรง เดินหน้าดึงผู้ประกอบการทั่วโลกกว่า 1,000 ราย จาก 15 ประเทศ จัดงาน cosmoprof CBE ASEAN 2023 โชว์นวัตกรรม พร้อมเจรจาธุรกิจ คาดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.2 หมื่นคน

ตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังโควิดตามดีมานด์ของผู้บริโภคที่ต้องการเสริมภาครัฐให้ดูดีโดยมีอานิสงส์จากการเปิดประเทศ โดยคาดว่าในปี 2573 ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกจะมีมูลค่าขึ้นไปแตะระดับ 3.64 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12.38 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 4.2% 

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า กระแสความนิยมทั่วโลกทำให้อุตสาหกรรมความงามเติบโตขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้จัดงานแสดงสินค้า cosmoprof CBE ASEAN ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าความงามที่รวบรวมตัวแทนอาสาทำทุกภาคส่วนในกลุ่มสายการผลิตสินค้าความงามไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแบบ B2B แม้ในการจัดงานจะมีการติดขัดจากการเปิดประเทศที่ยังไม่เต็มที่ แต่ยังสามารถแสดงศักยภาพในการเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมความงามโดยมีผู้ชมงาน 8,000 คน ผู้ประกอบการร่วมแสดงสินค้ากว่า 500 บูธ เกิดการจับคู่ธุรกิจมากกว่า 600 แมชชิ่ง

สำหรับปีนี้บริษัทได้จัดงาน cosmoprof CBE ASEAN 2023 อีกครั้งโดยมีผู้ร่วมออกงานแสดงสินค้าจากกลุ่มสายการผลิตในตลาดเครื่องสำอางเข้าร่วม 60% และผู้ร่วมออกงานในกลุ่มของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามสำเร็จรูปชั้นนำของโลก 40% คาดว่าจะสามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมงานได้มากกว่า 1.2 หมื่นคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อจากภูมิภาคอาเซียนและเอเชียทั้งประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ รวมทั้งอินเดีย นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม match&meet เข้ามาช่วยในการนัดหมายเจรจาธุรกิจและค้นหาคู่ค้าที่เหมาะสมอีกด้วย

“ความแตกต่างและจุดเด่นที่ทำให้งานของเราต่างจากงานอื่นคือมาตรฐานการจัดงานและมีฐานลูกค้าที่สามารถเชิญให้เข้ามาชมงานของเรา สำหรับการจัดงานในปีนี้ความพร้อมในการจัดงานคืบหน้าเกือบ 100% และคาดว่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว 100% มีผู้ประกอบการร่วมออกงาน ถึง 1,000 ราย จาก 15 ประเทศรวมถึงกรุ๊ปพาวิลเลี่ยนจาก 7 ประเทศชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ความงามเช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่นอิตาลี และประเทศอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ถูกจับจองพื้นที่ไปแล้วกว่า 72% และผู้ชมงาน 1.2 หมื่นคน

โดยรูปแบบงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วน finish product และ supply chain และจะเป็น destination สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมความงามที่ครบวงจรมากที่สุด ผู้ประกอบการรายย่อยใช้งานนี้เป็นฐานสำคัญในการแสดงสินค้าให้เป็นที่รู้จัก และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนของภาครัฐและสมาคมการค้า”

ด้านนางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทยโดยเฉพาะเรื่องของ Health Wellness and Beauty ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างเงินจำนวนมาก จากความเชื่อของผู้บริโภคที่เชื่อว่าสุขภาพและความงามที่ดีจะต้องแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก ทำให้มีการดูแลตัวเองให้สวยงามเพิ่มมากขึ้น แล้วส่งผลให้ Personal care and Beauty เติบโตขึ้น

ขณะเดียวกันดีมานด์เรื่องการชะลอวัย ยังเติบโตมากขึ้นจากจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้นในปัจจุบันและคาดว่าในอนาคตจะขยายตัวเป็น 1 ต่อ 4 ของประชากรโลกโดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 9.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อาหารเสริมและการดูแลน้ำหนักเพื่อสุขภาพเป็นเทรนด์ที่มาแรงอีก รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญโดยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 4.36 ล้านดอลลาร์ในปี 2563

และคาดว่ามูลค่าจะขึ้นไปถึง 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 โดยปัจจุบันประเทศไทยเป็น medical hub ของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเครื่องสำอางปัจจุบันไม่ใช่แค่ความสวยความงามแต่ก็ต้องส่งเสริมสุขภาพควบคู่ด้วย โดยเศรษฐกิจสุขภาพความงามในประเทศไทยมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาทโดยมีเครื่องสำอางเป็นสัดส่วนใหญ่ 30% รองลงมาเป็นอาหารและอาหารเสริม 25%