จากนสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,120 วันที่ 7 – 9 มกราคม พ.ศ. 2559

เรื่องความสวยความงาม เป็นเรื่องที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญ ซึ่งไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายในสังคมไทยปัจจุบัน ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดีไม่แพ้ผู้หญิง ตลาดเรื่องความสวยความงาม จึงเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากเท่าไรนัก หากดูข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) จะพบว่า เครื่องสำอางไทยมีมูลค่าพุ่งไปถึงหลัก 2 แสนล้านบาท เฉพาะตลาดในประเทศมีมูลค่าถึง 1.2 แสนล้านบาท

ส่วนตลาดส่งออกไปในต่างประเทศมีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งความพยายามของกสอ. ก็หวังจะผลักดันให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย มีมูลค่าส่งออกติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า นั่นหมายความว่า จะต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละ 10% ซึ่งไม่น่าจะยากเกินความสามารถของผู้ประกอบการไทย เพราะปัจจุบันสินค้าไทยออกไปตีตลาดในต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงโด่งดังแล้วมากมาย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและหลายประเทศในเอเชีย ขณะที่ตลาดในประเทศ แบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการไทย ก็สามารถขึ้นมาเทียบชั้นแข่งกับแบรนด์จากต่างประเทศได้ไม่แพ้ ทั้งด้านคุณภาพและความสวยงาม

 เทรนด์ขาวใสยังแรง

“จิรัฏฐ์ รุ่งสินเดชาพัฒน์” ประธานกรรมการ บริษัท หมอจุฬา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์เอ็มซีแอล(MCL) ได้ให้มุมมองต่อตลาดเครื่องสำอางในปี 2559 ว่า ปีนี้ผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือต่างจังหวัด ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความงาม โดยส่วนใหญ่ต้องการดูแลตนเองให้มีสุขภาพผิวที่ดี รวมทั้งต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับผิวหน้า ทั้งสิว ฝ้า กระ และยังพบว่า เทรนด์การดูแลสุขภาพผิวหน้า ต้องการเน้นเรื่องความขาวใสและมีความปลอดภัย ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นและกลุ่มคนทำงาน

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ในปี 2559 นี้ สินค้าที่ชูจุดเด่นคุณสมบัติที่ทำให้ผิวขาวและใส รวมทั้งสินค้าประเภทอาหารเสริมที่เน้นเรื่องการเพิ่มความกระจ่างให้กับผิว น่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ผู้บริโภคในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านก็มีความต้องการไม่ได้แตกต่างจากคนไทยมากนัก ซึ่งพบว่า ประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี(กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก็มีความต้องการคล้ายๆ กับลูกค้าชาวไทย คือ ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพผิวหน้า แม้ว่าบางประเทศมีผิวพรรณที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องการดูแลสุขภาพผิว ที่สำคัญผู้บริโภคในกลุ่มประเทศดังกล่าวให้ความไว้วางใจสินค้าจากประเทศไทย เนื่องจากราคาไม่แพงและมีคุณภาพที่ดี

เครื่องสำอางไทยบุกเออีซี

จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีอย่างเป็นทางการในปีนี้ ประกอบกับเทรนด์การดูแลผิวพรรณที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงทำให้ตลาดเออีซีเป็นโอกาสที่แบรนด์เครื่องสำอางจะบุกตลาดไปสร้างยอดขาย ซึ่งหมอจุฬาก็วางแผนเจาะตลาดใหม่ดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์พรีม่าเนสท์ (Primanest) ของบริษัท พิธานไลฟ์ จำกัด ที่มี “ธนิตา จันทรัศมี” กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ทำตลาดหลักที่จังหวัดอุดรธานี และเตรียมบุกตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น หลังจากได้เข้าไปทำตลาดแล้วในบางประเทศ เช่น สปป.ลาว ล่าสุดยังได้รับความไว้วางใจให้นำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ภายในเดือนมกราคมนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัท อาทิ เครื่องดื่มรังนก ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในปีนี้มีอัตราการเติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 4 รายการ ได้แก่ คลีนซิ่งเจล ครีมบำรุงผิว ไวเทนนิ่งครีม และเฟเชียล มาสก์

ตลาดใหญ่อาเซียนบวกจีน

หากดูความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์มิสทิน ของ บริษัท เบทเตอร์ เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ส่งสินค้าออกไปตีตลาดในอาเซียนแล้ว และยังบุกตลาดไปถึงประเทศจีนและยุโรป แม้แต่บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ “ศรีจันทร์” ก็ให้ความสำคัญกับการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้น่าใช้มากขึ้น ก็เตรียมบุกตลาดทั้งภูมิภาคอาเซียนและประเทศจีนด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และกลุ่มเป้าหมายมีสีผิวที่เหมือนกับผู้บริโภคคนไทย

ขณะที่บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านบิวตี้ บุฟเฟ่ต์ , บิวตี้ คอทเทจและบิวตี้ มาร์เก็ต ได้ออกไปปักธงทำตลาดในต่างประเทศแล้วหลายประเทศ และยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าไทยได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งจะเห็นปรากฏการณ์ซื้อสินค้าในสาขาใกล้แหล่งท่องเที่ยวจนเกลี้ยงชั้นวางจำหน่ายสินค้า ในสินค้าบางรายการ เพื่อนำไปใช้และขายต่อในประเทศของตนเอง เป็นรูปแบบลักษณะเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เคยไปประเทศเกาหลีเพื่อขนสินค้าเข้ามาจำหน่าย

ในปี 2559 แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจอาจจะไม่เติบโตแบบหวือหวา ซึ่งหลายฝ่ายประเมินว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะดีกว่าปี 2558 อย่างแน่นอน ประกอบกับการเปิดเออีซี จึงปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมให้ตลาดเครื่องสำอางมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ยังคงเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 10% แต่การที่ผู้ประกอบการจะสามารถสร้างยอดขายเป็นของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ ที่สำคัญ คือ การรักษาคุณภาพสินค้า และการจับเทรนด์ตลาดได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง